X-Men 7 Days of Future Past สงครามวันพิฆาตกู้อนาคต (2014)
X-Men: Days of Future Past (2014) หรือ สงครามวันพิฆาตกู้อนาคต เป็นภาพยนตร์ในจักรวาล X-Men ที่นำเสนอเรื่องราวการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์จากสองยุคสมัย ทั้งรุ่นปัจจุบันและรุ่นอดีต เพื่อป้องกันไม่ให้อนาคตของมนุษยชาติและมนุษย์กลายพันธุ์ถูกทำลาย
เรื่องราวเริ่มต้นในอนาคตอันมืดมน เมื่อ เซนติเนล หุ่นยนต์ล้ำยุคที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำลายมนุษย์กลายพันธุ์ ได้ก่อให้เกิดสงครามที่เกือบล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์และมนุษย์กลายพันธุ์เหลือเพียงหยิบมือเดียว ผู้นำกลุ่มเอ็กซ์-เม็นในยุคนี้ อย่าง ศาสตราจารย์ซาเวียร์ (รับบทโดย แพทริค สจ๊วต) และ แม็กนีโต้ (รับบทโดย เอียน แม็คเคลเลน) ตัดสินใจร่วมมือกันเพื่อส่ง วูล์ฟเวอรีน (รับบทโดย ฮิวจ์ แจ็คแมน) กลับไปในอดีตเพื่อเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์สำคัญที่นำไปสู่การสร้างเซนติเนล
วูล์ฟเวอรีนถูกส่งกลับไปในช่วงปี 1973 ซึ่งเป็นยุคของ X-Men: First Class เพื่อหยุด เรเวน/มิสทีค (รับบทโดย เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์) จากการลอบสังหาร โบลิวาร์ ทราสก์ (รับบทโดย ปีเตอร์ ดิงค์เลจ) นักวิทยาศาสตร์ผู้พัฒนาเซนติเนล การสังหารทราสก์ทำให้รัฐบาลสหรัฐตัดสินใจสนับสนุนโครงการเซนติเนล และนำไปสู่หายนะในอนาคต
ในขณะเดียวกัน วูล์ฟเวอรีนต้องเกลี้ยกล่อม ชาร์ลส์ ซาเวียร์ (รับบทโดย เจมส์ แม็กอะวอย) และ เอริค เลนเชอร์/แม็กนีโต้ (รับบทโดย ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์) รุ่นหนุ่ม ซึ่งยังคงมีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ให้ร่วมมือกันเพื่อหยุดยั้งวิกฤตครั้งนี้
X-Men: Days of Future Past นำเสนอฉากแอ็กชันที่น่าตื่นเต้นและการเล่าเรื่องที่ซับซ้อน โดยการเชื่อมโยงระหว่างสองยุคสมัยของตัวละครในจักรวาล X-Men อย่างลงตัว ภาพยนตร์นี้ไม่เพียงแค่เล่าเรื่องการต่อสู้กับศัตรูจากภายนอก แต่ยังเจาะลึกถึงประเด็นของ การเสียสละ, การให้อภัย, และ การเปลี่ยนแปลงชะตากรรม
ภาพยนตร์ยังแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของตัวละครสำคัญ เช่น ความขัดแย้งทางอุดมการณ์ระหว่างซาเวียร์และแม็กนีโต้ และการค้นหาตัวตนของมิสทีค ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเรื่องราว
X-Men: Days of Future Past ได้รับการยกย่องจากทั้งผู้ชมและนักวิจารณ์ในด้าน บทภาพยนตร์ที่ชาญฉลาด, การแสดงที่ยอดเยี่ยม, และ ความสามารถในการผสมผสานตัวละครจากสองยุคได้อย่างลงตัว ถือเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่โดดเด่นที่สุดในแฟรนไชส์ X-Men